ลดน้ำหนักแบบไม่โยโย่
ช่วงเดือนที่ผ่านมาหลายๆสื่อ
มีการนำเสนอเรื่องของน้องลูกนก นักศึกษาปี 4 น้องผู้หญิงที่มีความตั้งใจในการ ลดน้ำหนัก
เริ่มต้นจากการบนบานสานกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ว่า “จะไม่กินข้าวเย็นกับน้ำอัดลม
1 เดือน” หากได้จับมือกีบ “นิชคุณ” สุดท้ายไม่ใช่เรื่องโจ๊กขำขัน
เธอได้จับมือกับนักร้องขวัญใจจริงๆเลยต้องทำตามที่สัญญาไว้
จากน้องลูกนกที่มีแต่คนแซวเพราะน้ำหนักขึ้นชั่งก่อนลดอยู่ที่ 131 กิโลกรัม ภายในเวลา 7 เดือน เธอลดน้ำหนักลงเหลือ 68
กิโลกรัม น้ำหนักลดลงไปถึง 63 กิโลกรัมขณะนี้เธอคงลดลงไปได้อีกแน่ๆ
เธอตอบคำถามกับสื่อแบบง่ายๆว่า
1. ลดน้ำหนักอย่างไร
ลดวิธีธรรมดา
สามัญที่สุดเลยค่ะออกกำลังกายและควบคุมอาหารเท่านั้นเองแต่สิ่งสำคัญคือ กำลังใจ
ความมุ่งมั่น ความพยายาม ความอดทน ทุกอย่างจะต้องรวมกันต้องใจสู้นะค่ะ
ถึงจะทำได้จริงๆค่ะ เราเข้าใจค่ะว่ามันยาก
แต่เชื่อเถอะค่ะว่าทุกคนทำได้ถ้าตัดสินใจแล้วว่าจะสู้!
2. มีเคล็ดลับอย่างไร
ไม่มีเคล็ดลับอะไรเลยค่ะ
ต้องชนะใจตัวเองให้ได้และอย่างที่บอกต้องใจสู้จริงๆแต่การออกกำลังกายและการควบคุมอาหารเท่าที่เราทำมาเราค้นพบว่าแต่ละคนจะมีสูตรไม่เหมือนกันนะคะ
แล้วแต่สรีระของแต่ละคน
3. กินยาอะไร
ขอตอบด้วยความสัตย์จริงนะคะว่าเราไม่เคย “กินยา”
หรือ “ใช้ยา” ใดๆก็ตามในการลดน้ำหนักเลยแม้แต่เม็ดเดียว
การลดน้ำหนักที่ผิดวิธี และไม่เข้าใจธรรมชาติของร่างกาย ทำให้เกิดผลร้ายกับร่างกายโดยที่เราไม่รู้ตัว
หลายคนใช้วิธีการอดอาหารอย่างหักโหมคิดว่าในเมื่ออาหารทำให้อ้วน
ดังนั้นใช้วิธีหักดิบโดยไม่ทานอะไรเลยแน่นอนว่า
วิธีการนี้น้ำหนักจะต้องลดลงอย่างรวดเร็ว แต่วิธีนี้ทำได้ไม่นาน
สุดท้ายก็ต้องหิวจัดกลับมาทานอาหารบ้าง แต่หารู้ไม่ว่าสภาพร่างกายได้เปลี่ยนไปแล้ว
ร่างกายของคนที่ขาดสารอาหารโดยการอดอาหารเป็นเวลานานจะเปลี่ยนโหมดการทำงานเหมือนต้นไม้กลางทะเลทราย
คือ
ใช้พลังงานน้อยๆแต่เก็บพลังงานเอาไว้มากๆเพราะกลัวว่าเจ้าของร่างกายจะเสียชีวิตอาหารที่ให้พลังงานเช่น
ข้าว
แป้งน้ำตาลที่ทานเข้าไปเพียงนิดเดียวร่างกายก็จะเก็บสะสมเป็นพลังงานสำรองชิ้นใหญ่ๆที่เรียกว่าไขมัน
เอาไปพอกตามเอว แขน ขา แบบนี้ล่ะครับที่เค้าเรียกว่า
อาการ “โย โย่ เอฟเฟค” ยิ่งลดยิ่งอ้วน คุณสุภาหน้าตาอวบอิ่มและยิ้มแย้มให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ผมว่า
1. มีอาการปวดส้นเท้าทั้ง 2 ข้างเมื่อตื่นนอนหรือเวลานั่งกับพื้นนานๆก็มีอาการปวดได้เช่นกันต้องเปลี่ยนอิริยาบถสักพักก็จะมีอาการดีขึ้น
2. ลมหายใจมีกลิ่น มีกลิ่นปาก และมีกลิ่นเหม็นอยู่ในโพรงจมูก
แสบจมูกตลอดเวลา
3. ปวดบริเวณบั้นเอวไปจนถึงต้นขาปวดตามข้อนิ้วมือ
4. มีสิว และหนังศีรษะลอก ผมร่วง
5. หน้ามืด เวียนศีรษะบ่อย
6. น้ำหนักมากต้องการลดน้ำหนัก
พฤติกรรมของเธอคือ ตื่นเช้าไม่ทานอาหารเช้า ทานกาแฟและขนมปัง
เพราะกลัวอ้วน อาหารที่ทานชอบเนื้อสัตว์ ข้าวเหนียว ไก่ทอด ของหวาน
ของทอดชอบมากเป็นพิเศษ
ชอบทานแต่น้ำเย็นเป็นประจำเพราะชื่นใจและรู้สึกมีความร้อนอยู่ในร่างกาย
ลดน้ำหนักมาแล้วแถบทุกวิธี ทั้งอดอาหาร ทานยาลดน้ำหนักแบบไม่ปะติดปะต่อ
อาหารเสริมลดแป้งลดไขมัน ขณะนี้เธอมีน้ำหนัก 104 กิโลกรัม อายุ
40 ปี น้ำหนักขึ้นเดือนละ 1-2 กิโลกรัม
ขณะนี้ร่างกายคุณสุภามีลักษณะเป็นต้นไม้กลางทะเลทราย หรือ โยโย่ เอฟเฟค
วิธีแก้ไข คือการทานอาหารไม่มากเกินไปในแต่ละมื้อ
ไม่ต้องอดอาหารทำให้ร่างกายคุ้นชินว่าจะไม่มีการขาดสารอาหารที่ไม่ต้องพึ่งพาย่อยมากนัก
เช่น สาหร่ายเกลียวทองก่อนนอนประมาณ 5 เม็ด น้ำมันมะพร้าว 1
ช้อนโต๊ะก่อนอาหาร เช้า-เที่ยง 20 นาที หรือ
แล้วเพื่อนำเอาโปรตีน ไขมัน และสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือดไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ
อย่างเพียงพอ เป็นเวลา 2-3 เดือน
เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
หากคุณสุภางดการทานน้ำเย็นลงก็จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารกลับเข้าสู่สภาพที่ดีขึ้น
หายเจ็บส้นเท้าในเร็ววัน อาการหน้ามืดเวียนศีรษะก็ไม่เป็นง่ายๆอีก